วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เนื้อปลาแซลมอนซื้อมาแล้วต้องเก็บใน ถุงซีลสูญญากาศ แช่ในตู้เย็นใน 2 ชั่วโมง

เนื้อปลาแซลมอน คงเป็นเนื้อปลาอีกชนิดหนึ่งที่ครองใจของใครต่อใครหลายๆ คน โดยเฉพาะคนที่นิยมชมชอบทานเนื้อปลาดิบ เพราะเนื้อปลาชนิดนี้หากเป็นเนื้อสด เป็นเนื้อที่มีรสอร่อยมาก หอมๆ มันๆ ทานแล้วไม่อยากหยุด หรือจะไปทำเมนูอื่น เป็นปลาย่าง ปลาอบ หรือจะเอาไปทำยำ (แนะนำเป็นเนื้อปลาแซลมอนรมควัน) ก็อร่อย และที่สำคัญเป็นเนื้อที่มีประโยชน์ให้โปรตีนและมีกรดไมมันดี โอเมก้า 3 ในปริมาณที่สูง อย่างไรก็ตาม หากเราซื้อเนื้อปลาสดมาทำรับประทานเอง เมื่อซื้อมาแล้วต้องรีบเก็บในตู้เย็นภายในเวลา 2 ชั่วโมง และดีที่สุดก็คือบรรจุด้วย เครื่องซีลสูญญากาศ ก่อนจึงค่อยเก็บใส่ตู้แช่เย็น



ทั้งนี้เนื่องจาก เนื้อปลาเป็นเนื้อที่มีโปรตีนสูงและจะเกิดการย่อยของเชื้อแบคทีเรียได้เร็วมาก เพียงแค่ 2 ชั่วโมง เนื้อจะเริ่มมีการเปลี่ยนสภาพจากการเติบโตของแบคทีเรียที่มีทั่วไปในอากาศ เนื้อปลาจะเริ่มเปลี่ยนสี ทิ้งไว้นานก็จะเริ่มจับแล้วรู้สึกมีเมือก และตามมาด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์ในเวลาไม่นาน หากเราทิ้งเอาไว้นานนอกตู้แช่เย็น และหากว่าเป็นการแช่ในช่องธรรมดา แนะนำให้ทำรับประทานภายในวันนั้นเลยจะดีที่สุด แต่หากจะเก็บเอาไว้ข้ามวัน ควรเอาไปเก็บในช่องแช่แข็งเอาไว้ก่อน เพื่อรักษาสภาพของเนื้อปลาเอาไว้ไม่ให้เสื่อมจากเชื้อแบคทีเรีย และแน่นอนว่าหากมันถูกบรรจุด้วย เครื่องแพ็คสูญญากาศ เอาไว้เราก็สามารถเก็บได้เลย โดยไม่ต้องกังวลว่าเนื้อปลาที่เอาไปแช่จะเสียหาย หรือ แม้แต่เกิดกลิ่นคาวไปรบกวนอาหารอื่น และยังสามารถรักษาความชุ่มชื้นของเนื้อปลาเอาไว้ได้เป็นอย่างดีไม่ระเหยหายไปกับอากาศที่เย็นและแห้งในช่องแช่แข็ง ซึ่งทำให้เนื้อปลามีสภาพแห้งๆ แข็งๆ เวลาเอามาทำรับประทานก็อาจจะเละได้ง่าย 


เวลาที่จะเอาลงมาใช้ก็ให้เอาลงมาทั้ง ถุงซีลสูญญากาศ ยังไม่ต้องแกะ เอาปล่อยแช่ต่อในชั้นธรรมดาต่อไปอีกสัก 1 วัน รอให้เนื้ออ่อนตัวก่อน เราก็จะได้เนื้อปลาแซลมอนที่สดเหมือนเดิมพร้อมให้นำมาทำอาหารรับประทาน 

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2559

อาหารแช่แข็งที่ละลายด้วยไมโครเวฟ สามารถเก็บใส่ ถุงซีลสูญญากาศ แช่แข็งใหม่ได้หรือไม่

การมี เครื่องซีลสูญญากาศขนาดเล็ก เอาไว้ใช้งานในบ้าน เป็นเรื่องที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับเราได้เป็นอย่างมาก เพราะเราสามารถใช้มันในการเก็บรักษาอาหารให้คงความสดและคุณค่าเอาไว้ได้นานมากกว่าปกติ และยังสามารถนำขึ้นแช่เก็บเอาไว้ให้นานขึ้นในชั้นแช่แข็งได้ทันทีอย่างง่ายดาย เวลาที่ต้องการใช้งานเราก็เอามาจัดการละลายแล้วก็ใช้ได้เหมือนของสดๆ ใหม่ๆ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่นิยมใช้ในการละลายอาหารแช่แข็งเพื่อนำมาใช้งานที่นิยมกันมากก็คือการละลายด้วยเตาไมโครเวฟ เนื่องจากส่วนมากจะมีฟังชั่นส์การทำงานแบบละลายอาหารแช่แข็งให้ด้วยในเครื่อง

การละลายอาหารแช่แข็งด้วยวิธีนี้ถือเป็นความสะดวก และทำให้เราสามารถละลายอาหารแช่แข็งได้รวดเร็วกว่าวิธีอื่นๆ แต่ก็มีคำถามว่า หากอาหารแช่แข็งที่เราละลายด้วยเตาไมโครเวฟ เกิดใช้งานไม่หมด เราจะสามารถนำเอากลับไปบรรจุด้วย เครื่องซีลสูญญากาศ แล้วเก็บคืนช่องแช่แข็งอีกได้หรือไม่ ? เพราะโดยปกติแล้ว อาหารที่ผ่านการแช่แข็งหากละลายแล้วก็มักจะได้ยินคำแนะนำว่าไม่ควรเอากลับไปแช่ใหม่อีก... 


สำหรับอาหารที่ละลายน้ำแข็งด้วยการใช้ระบบละลายน้ำแข็งอย่างรวดเร็วของเตาไมโครเวฟ เวลาที่เราละลาย มันจะมีความแตกต่างจากการละลายแบบอื่น (เช่น การละลายด้วยการปล่อยทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง , การละลายด้วยการนำเอาไปแช่น้ำ) อยู่บ้าง ตรงที่มันเป็นการละลายด้วยความร้อนจากการทำงานของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ดังนั้น อาหารที่ถูกละลายจะมีบางส่วนที่โดนความร้อนจนสุกไป แต่ก็ไม่มาก เมื่อเป็นแบบนี้ อาหารก็ไม่สุกแต่แค่อุ่นขึ้น หากว่าเราจัดการแบ่งทันที เอาส่วนที่ไม่ได้ใช่งานไปแพ็คเก็บก็พอได้ แต่ก็ขอบอกว่า เชื้อแบคทีเรียได้ถูกปลุกขึ้นมาแล้วเช่นกัน หากต้องการเก็บแบบลดปัญหาเรื่องเชื้อแบคทีเรีย เราก็ควรเอาอาหารนั้นไปทำให้สุกเสียก่อน หากสุกแล้ว สามารถเอาเก็บเข้า ถุงซีลสูญญากาศ และเอกลับไปแช่แข็งได้ วิธีนี้จะดีที่สุด